การพิจารณาคดีคาโม ของ การปล้นธนาคารในติฟลิส ค.ศ. 1907

หลังจากที่คาโมถูกจับกุมในกรุงเบอร์ลินและกำลังรอคอยการพิจารณาคดี คาโมได้รับข้อความจากคราซินผ่านทางทนายความของเขา ออสการ์ โคฮ์น ซึ่งบอกให้คาโมแสร้งทำเป็นวิกลจริตเพื่อที่ว่าเขาจะได้รับการประกาศว่าไม่เหมาะสมที่จะรับการพิจารณาคดี[45] เพื่อแสดงออกซึ่งความวิกลจริต คาโมปฏิเสธอาหาร ฉีกทึ้งเสื้อผ้า ผม ตลอดจนพยายามอัตวินิบาตกรรมโดยการแขวนคอตนเอง เฉือนข้อมือตัวเอง และกินอุจจาระของตน[46][47][48] เพื่อที่จะตรวจสอบให้แน่ใจว่าคาโมไม่ได้แสร้งวิกลจริต แพทย์ชาวเยอรมันได้แทงเข็มหมุดเข้าใต้เล็บ แทงเข็มเล่มยาวเข้าที่หลัง และจี้ด้วยเตารีดร้อน ๆ แต่คาโมยังไม่หลุดจากการแสดงของตน[47][49] หลังจากการทดสอบดังกล่าวทั้งหมดแล้ว หัวหน้าแพทย์แห่งโรงพยาบาลจิตเวชกรุงเบอร์ลิน เขียนเมื่อเดือนมิถุนายน ค.ศ. 1909 ว่า "ไม่มีหลักฐานสนับสนุนความเชื่อที่ว่า [คาโม] กำลังแสร้งวิกลจริต เขามีการเจ็บป่วยทางจิตอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่สามารถที่จะปรากฏตัวต่อหน้าศาล หรือได้รับโทษตามกฎหมาย มันเป็นที่น่าสงสัยอย่างยิ่งว่าเขาจะสามารถฟื้นฟูได้อย่างสมบูรณ์หรือเปล่า"[50]

ค.ศ. 1909 คาโมถูกส่งตัวข้ามแดนไปยังรัสเซียที่ซึ่งเขายังคงแสร้งวิกลจริตต่อไป[38][51] ในเดือนเมษายน ค.ศ. 1910 คาโมถูกพิจารณาคดีเนื่องจากบทบาทในการปล้นธนาคารติฟลิส[52] ระหว่างการพิจารณาคดี คาโมยังคงแสร้งวิกลจริตโดยไม่สนใจการสืบสวนและให้อาหารนกเลี้ยงอย่างเปิดเผยซึ่งเขาแอบนำเข้ามาด้วยโดยซ่อนไว้ในเสื้อของตน[52] การพิจารณาคดีหยุดชะงักไปขณะที่เจ้าหน้าที่ตรวจสอบอาการวิกลจริตของคาโม[52][53] ศาลพบว่าเขามีจิตปรกติเมื่อเขาปล้นธนาคารที่ติฟลิส แต่ขณะนี้กลับมีอาการป่วยทางจิตและควรจะถูกกักกันตัวจนกว่าเขาจะหาย[54]

ในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 1911 หลังจากแสร้งวิกลจริตมากว่าสามปี คาโมหลบหนีจากแผนกจิตเวชของเรือนจำในติฟลิสโดยเลื่อยผ่านลูกกรงหน้าต่างของเขาและปีนลงมาด้วยเชือกทำเอง[38][51][55]

ภายหลัง คาโมได้บอกเล่าถึงประสบการณ์ในการแสร้งวิกลจริตมาเป็นเวลานานกว่าสามปีว่า

สิ่งที่ผมสามารถบอกคุณได้หรือ พวกเขาข่มขู่ผม ตีผมที่ขาและอื่น ๆ ชายคนหนึ่งบังคับให้ผมมองเข้าไปในกระจก สิ่งที่ผมเห็นนั้นไม่ใช่ภาพสะท้อนของตัวผมเอง แต่เป็นคนคล้ายลิงผอม ๆ น่าสยดสยองและน่าเกลียดน่ากลัว กำลังบดฟัน ผมคิดกับตัวเองว่า 'บางทีฉันอาจจะเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ!' มันเป็นช่วงเวลาที่เลวร้าย แต่ผมสำรวมใจไว้และถ่มน้ำลายเข้าใส่กระจก คุณรู้ไหมผมคิดว่าพวกเขาชอบแบบนั้น....ผมคิดหนักเลยว่า 'ฉันจะรอดชีวิตหรือฉันจะกลายเป็นบ้าจริง ๆ' ซึ่งนั่นไม่ดีเลย ผมไม่มีศรัทธาในตัวเอง เห็นไหม .... [ทางการ] แน่นอนว่า รู้งานของตัวเองดี พวกเขารู้ศาสตร์ของตัวเอง แต่พวกเขาไม่รู้จักชาวคอเคซัส บางทีชาวคอเคซัสทุกคนอาจเป็นบ้า เท่าที่พวกเขารู้น่ะนะ เอาละ แล้วใครจะทำให้ใครเป็นบ้ากันล่ะ ไม่มีอะไรคืบหน้า พวกเขายึดมั่นกับความคิดของเขา และผมก็ยึดมั่นของผม พวกเขาไม่ได้ทรมานผมที่ติฟลิส ดูเหมือนพวกเขาคิดว่าชาวเยอรมันทำอะไรก็ไม่ผิด[56]

หลังจากหลบหนี คาโมพบกับเลนินในปารีส[44] คาโมรู้สึกกังวลใจที่ได้ยินว่า "มีการแตกแยกเกิดขึ้น" ระหว่างเลนิน บอกดานอฟ และคราซิน[44] คาโมเล่าให้เลนินฟังถึงการจับกุมตัวเขาและที่ว่าเขาแสร้งทำเป็นวิกลจริตอย่างไรขณะที่อยู่ในเรือนจำ[44] หลังจากออกจากปารีส คาโมได้พบกับคราซินและวางแผนที่จะก่อการปล้นด้วยอาวุธอีกครั้งหนึ่ง[38] คาโมถูกจับกุมก่อนหน้าที่จะเกิดการปล้นและถูกนำตัวขึ้นศาลในติฟลิสเมื่อ ค.ศ. 1913 จากความผิดซึ่งรวมไปถึงการปล้นธนาคารติฟลิส[57][38][58] ขณะนี้ระหว่างที่ถูกจองจำ คาโมมิได้แสร้งวิกลจริตแต่เขาแสร้งทำเป็นว่าลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นกับเขาระหว่างที่เขาเคย "บ้า" มาก่อน[58] การพิจารณาคดีกินเวลาสั้นๆ และคาโมถูกพิพากษาลงโทษประหารชีวิตจำนวนสี่กระทง[59]

ขณะที่ดูเหมือนว่าต้องตายแน่ๆ แต่แล้วคาโมกลับมีโชคดีเช่นกันกับบรรดานักโทษคนอื่น ๆ เขาได้รับการลดหย่อนโทษเป็นการจำคุกระยะเวลานานแทนอันเป็นส่วนหนึ่งของการเฉลิมฉลองครบรอบสามศตวรรษของราชวงศ์โรมานอฟ[38][60] คาโมได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำหลังการปฏิวัติกุมภาพันธ์ใน ค.ศ. 1917[38][61]

แหล่งที่มา

WikiPedia: การปล้นธนาคารในติฟลิส ค.ศ. 1907 http://books.google.com/books/princeton?id=U_SU7fx... http://books.google.com/books?id=5F9eL9C2QzEC&pg=P... http://books.google.com/books?id=Jrkl5e1joNMC&prin... http://books.google.com/books?id=TdCK1WkconkC&pg=P... http://books.google.com/books?id=U8QG2BnQORkC&pg=P... http://books.google.com/books?id=cnGQl1fWE-wC&pg=P... http://books.google.com/books?id=j0PTAAAAMAAJ&q=ka... http://books.google.com/books?id=qQ6R4Fg6rh4C&pg=P... http://books.google.com/books?id=srEzMdMN-z0C&lpg=... http://books.google.com/books?id=zQL8POkFGIQC&pg=P...